วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

Thirty But Seventeen



เรื่องราวของซีรีย์แปลตรงๆ ได้ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ  เล่าถึง อูซอรี ( รับบทโดย Shin Hyu Sunที่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราตั้งแต่อายุ 17 ปี 13 ปีผ่านไป ในวัย 30 ปี เธอได้ฟื้นขึ้นมา แต่ความทรงจำของเธอกลับหยุดอยู่ที่ตอนเธออายุ 17 ปี พล้อตเรื่องน่าสนใจทีเดียวสำหรับซีรีย์เรื่องนี้  ยิ่งได้  Yang Se Jong  มารับบท กงอูจิน ชายหนุ่มที่หลงรัก อูซอรี ตั้งแต่เด็ก ยิ่งเป็นกระแสให้เรื่องนี้ดังตั้งแต่ยังไม่ได้ออกอากาศ


แต่เมื่อได้ดูจบ สั้นๆ เลยค่ะ ว่าซีรีย์เรื่องนี้เหมาะสำหรับดูขำๆ ไว้พอให้หายคิดถึงหนุ่ม Yang Se Jong  เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก ปมที่ผูกเรื่องมาตั้งแต่ต้นก็เหมือนจะมีอะไร แต่ตอนเฉลย อ้าวเอ้ย เหมือนหลอกให้เราดูตั้งนาน 5555 ไม่น่าเชื่อว่าซีรีย์เรื่องนี้มาจากช่อง SBS ส่วนตัวก็พยายามดูจนจบเพราะดูมาแล้วเกินครึ่ง จะทิ้งไปก็เสียดาย


ถ้าจะให้คะแนนเรื่องนี้ก็เหมือนจะดูใจร้าย กับผู้ที่เกี่ยวข้องมากเกินไปสักหน่อย เอาเป็นว่า ถ้าชอบ Yang Se Jong ก็หามาดูกันได้ สำหรับข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้  อายุ ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ ในการตามล่าหาความฝัน อย่าไปมองว่าคนอื่นจะคิดยังไง สำคัญคือตัวเราเอง ความฝันของเรา ความสุขของเรา ไม่เกี่ยวกับใคร  ที่สำคัญความฝันไม่มีวันหมดอายุ จะเริ่มต้นใหม่กี่ครั้งก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วความสุขจริงๆ อาจจะไม่ใช่การทำความฝันให้สำเร็จ  แต่เป็นความสุขที่ได้มาจากการได้ทำในสิ่งที่เรารักก็เป็นได้......

Image Source :www.koreandrama.org


วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561

Prison Playbook / Wise Prison Life



ตั้งแต่ Ep แรกที่เริ่มดู มีความรู้สึกเสียดายซีรีย์เรื่องนี้ ว่าทำไมเราถึงมาดูช้าเกินไป อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาเป็นซีรีย์เกี่ยวกับชาวคุก ที่กลัวว่าดูแล้วอาจจะดราม่าได้ เลยดองเค็มไว้เกือบปี และเชื่อว่ามีหลายคนที่เวลาเลือกดูซีรีย์จะคิดกันแบบนี้ ทั้งที่เรตติ้งและกระแสในตอนนั้นก็การันตีได้ส่วนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้เหมือนติดอันดับ top 10 ซีรีย์ที่ทำเรตติ้งสูงสุดตลอดกาล ที่ออกฉายทางช่องเคเบิ้ล ด้วยตัวเลข 11.195% 
การวัดเรตติ้ง ของช่องเคเบิ้ลหากเปรียบเทียบกับช่องปกติ คือ เอาตัวเลขคูณสาม/สี่เท่า เช่นหากได้ตัวเลขที่ 10% เวลาเอามาเปรียบเทียบกับช่องปกติ ตัวเลขก็จะอยู่ประมาณ 30-40% ถือว่าเป็นเรตติ้งที่สูงมาก กับการแข่งขันในปัจจุบัน เพราะมีทางเลือกให้กับคนดูมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องแดจังกึม เรตติ้งประมาณ 50 % อัพ แต่นั้นคือเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว


เป็นซีรีย์ชาวคุก ทีให้ความรู้สึก feel good”  มีทั้งหมด 16 Ep. ตอนล่ะ 1.30-1.40 น. ประมาณ 26 ชม. ที่ดู เต็มอิ่มกันทีเดียว ชีวิตวนเวียนอยู่ในคุกเกือบอาทิตย์กว่าจะดูจบ เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ไม่อยากให้จบ อยากดูต่อไปเรื่อยๆ เล่าถึง คิมแจฮยอก (รับบทโดย Park Hae Soo ) นักเบสบอลชื่อดัง ที่โดนจำคุกเนื่องจาก ไปทำร้ายคนที่จะเข้ามาขมขื่นน้องสาวจนถึงแก่ความตาย ภายนอกเป็นคนที่ซื่อ ออกไปทางโง่ๆ หน่อย ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง นอกจากเรื่องเบสบอล  เมื่อเข้ามาอยู่ในคุก ได้รู้จักกับคนมากมายหลากหลายประเภท ทั้งนักโทษ เพื่อนร่วมห้อง ผู้คุม นายแพทย์เรือนจำ หรือแม้แต่พัศดี ซึ่งแต่ล่ะคนมีเรื่องราวแตกต่างกันไป ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ ทำให้เห็นอีกด้านของคิมแจฮยอก ที่คนอื่นไม่เคยรู้


ผู้คุมลีจุนโฮ ( รับบทโดย Jung Kyung Ho) เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของ คิมแจฮยอก เมื่อรู้ว่าเพื่อนต้องติดคุก ก็ขอย้ายเรือนจำเพื่อเข้ามาดูแลเพื่อน ทั้งที่ไม่ได้เจอกันถึง 7 ปี  เป็นคนฉลาด มีเหตุผล คอยช่วยเหลือเพื่อนในทุกๆ เรื่อง แต่ไม่ยอมบอกคนอื่นว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะกลัวคนอื่นมองเพื่อนว่าใช้เส้นสายในการอยู่ในคุก  เข้าใจว่าคนที่เข้ามาอยู่ในคุกเป็นคนไม่ดี พยายามให้เพื่อนเลี่ยงจากคนพวกนี้ และไม่ให้ไปสุงสิงหรือสนิทด้วย แต่สุดท้ายมุมมองก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเริ่มใช้ใจมองคนอื่น โดยที่ไม่มีอคติ


นักโทษเพื่อนร่วมห้อง ที่แต่ล่ะคนมีที่มาในการรับโทษต่างกัน  แต่เมื่อมาอยู่รวมกันในห้องขังเล็กๆ ความเห็นอกเห็นใจ มิตรภาพ ก็ค่อยๆ เกิดขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ประทับใจตรงคำพูดที่ว่า เราต่างหากคือครอบครัวเดียวกัน อย่างแท้จริง เพราะเราได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา  ชอบมากที่สุดในเรื่อง คือนายเอ๋อ นักโทษติดยา ที่เมายาอยู่ตลอดเวลา เป็นตัวที่คอยสร้างสีสรรในเรื่องให้ได้หัวเราะได้ตลอดเวลา


ซีรีย์ดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยมีความยาวถึง 1.40 น ต่อ ตอน แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้คนดูอึดอัด เพราะตัวละครมีเยอะเหลือเกิน แถมแอบปล่อยมุขอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากคิดว่าซีรีย์เรื่องนี้จะทำให้เครียด ให้ข้ามผ่านจุดนี้ไปได้เลย พิเศษตรงเรื่องนี้ไม่ค่อยมีนักแสดงผู้หญิงเข้ามากวนใจ มีแต่ผู้ชายล้วนๆ แถมด้วย Jung Hae In ที่รับบท เป็นกัปตันยู เข้ามาเป็นนักโทษน้องใหม่ใน Ep. 5 แถมเรื่องนี้ได้รับรางวัล  Popularity Actor Award  : Baeksang Arts Awards ในปีนี้ด้วย ปรบมือ+++++


ซีรีย์พยายามนำเสนอให้เห็นว่า คนเราสามารถทำผิดกันได้ แต่ยอมรับที่จะพยายามแก้ไข หรือทำให้มันดีขึ้นหรือเปล่า นั้นต่างหากล่ะ ที่สำคัญ และอย่ามองคนที่ภายนอก ควรมองเข้าไปให้ลึกถึงจิตใจ  ทุกคนล้วนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองเสมอ แนะนำให้รีบหามาดูกันค่ะ แล้วคุณอาจจะไม่อยากออกจากคุกเลยก็ได้ พยายามลุ้นให้มีต่อภาค 2

Immage Source : www.koreandrama.org and www.pantip.com




วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

Like For Likes (2016)


เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่หยิบขึ้นมาดูเป็นเรื่องที่ 2 ของปีนี้ ที่อยู่ๆ ใจนึกอยากจะดูหนังคอมเมดี้ของเกาหลี ขึ้นมาซะงั้น เป็นคนที่ชอบดูซีรีย์เกาหลีก็จริง แต่สำหรับหนังแล้ว ถ้าไม่ชอบนักแสดงก็จะไม่เจียดเวลาไปดูเลย เนื่องจากหนังเรื่องหนึ่งจะใช้เวลาแค่ 2 ชม. กว่าๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับซีรีย์แล้วจะยังเข้าไม่ค่อยถึงเท่าไหร่  ที่สำคัญเป็นหนังอีกเรื่องที่มีนักแสดงนำอย่าง Kim Joo Hyuk  ฝากผลงานไว้ ก่อนที่เค้าจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยวัยเพียง 46 ปี

หนังเรื่องนี้ได้หยิบยกความสัมพันธ์ของคน 3 คู่ ที่มีความรัก ความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน แต่มีจุดเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook เข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนกัน

คู่แรก ระหว่าง จองชานชาน เจ้าของร้านอาหาร กับ ฮีมจูรัน แอร์โอสเตสสาว
จองซานซาน (รับบทโดย Kim Joo Hyuk ) เจ้าของร้านอาหารที่มีแผนจะแต่งงานจึงไปเช่าบ้านของ ฮีมจูรัน (รับบทโดย Choi Ji Woo) อยู่เพื่อเป็นเรือนหอ แต่แล้วจู่ๆ ก็โดนแฟนทิ้ง ประจวบกับฮีมจูรันโดนโกงเงินลงทุนไป จึงได้ชักชวนให้มาอยู่บ้านหลังเดียวกันในฐานะรูมเมท เพื่อแชร์ค่าใช้จ่าย นานวันเข้าสนิทกัน ถึงขนาดที่ว่า จองซานซานหาคู่เดทให้ฮีมจูรัน ด้วยวิธีสร้างภาพผ่านทาง FB เพื่อให้รุ่นน้องของจองซานซานสนใจ

คู่สอง ระหว่าง โจ คยองอา นักเขียนบทละคร กับ โนจินอู ซุปตาร์ดาราดัง
โจ คยองอา (รับบทโดย Lee Mi Yeon) นักเขียนบทละคร ที่กำลังหานักแสดงนำสำหรับผลงานเรื่องใหม่ ที่เอานักแสดงคนไหนก็ได้ ยกเว้น โนจินอู (รับบทโดย Yoo Ah In) ซุปตาร์ชื่อดัง ที่มีซัมติงกัน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว  ก่อนที่โนจินอู จะไปเข้ากรมเพื่อรับใช้ชาติ ตามหน้าที่ของชายเกาหลีทุกคน  จนกระทั่งเมื่อ โนจินอู ได้ไปเจอลูกชายที่อายุ 3 ขวบของโจ คยองอา ความสงสัยจึงบังเกิดขึ้น ว่าใช่ลูกชายของตัวเองไหม และ FB ก็เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเหลือให้หายข้อข้องใจ ตามอ่านสเตตัส ตามขอเป็นเพื่อน แม้กระทั่งตามหาตัวเพื่อขอคืนดี ในตอนสุดท้าย

คู่สุดท้าย ระหว่าง ลีซูโอ นักแต่งเพลง กับ จางนายอน PD สาว
ลีซูโอ (รับบทโดย Kang Ha Neul) นักแต่งเพลงที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักเปียโน แต่มีความผิดปกติทางหู เวลาสื่อสารกับคนอื่นจะใช้วิธีอ่านปากเอา ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ชอบเข้าสังคม ขี้เหงา มีแค่ FB เป็นเพื่อน ได้มาเจอกับ จางนายอน (รับบทโดย  E-Som)  PD สาวที่ทำงานกับ โจ คยองอา เป็นคนสดใส ตรงไปตรงมา ทำให้ลีซูโอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ในร้านของจองซานซาน และได้ใช้ FB ในการตามจีบ โดยที่ไม่ได้บอกว่าตัวเองหูพิการ ซึ่งในที่สุดจางนายอน ก็รู้ความจริง


แค่ดาราทั้ง  6 คนที่รับบทนำ ก็คุ้มที่จะดูสำหรับหนังเรื่องนี้แล้ว ดูได้เรื่อยๆ ไม่ซับซ้อน บรรเทาความเครียดไปได้ดี ในเวลา 2 ซม. กว่าๆ บางฉากบางตอนก็นั่งอมยิ้มไปด้วย ชอบที่สุดก็เป็นคำพูดของจองซานซาน ในตอนสุดท้ายของเรื่อง ที่ฮีมจูรัน ถามว่า ทั้งที่ชอบนาง แล้วทำไมถึงตามไปกด like ทุกรูปในเวลาที่นางอยู่กับแฟนด้วย จองซานซานหันมาตอบว่า

ก็ FB มันไม่มีปุ๋ม กดคำว่าเกลียดนิ เลยต้องไปกดที่ Like แทน  
                               
:::::ความสัมพันธ์ก็เป็นการสร้างภาพอย่างหนึ่ง ไม่ได้ต่างจากการสร้างภาพผ่านทาง FB หรอก ที่เวลามีความรักเราก็อยากโชว์เฉพาะสิ่งที่อีกคนอยากจะเห็นเท่านั้น::::

Image source 1 and 2

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

Shark


ซีรีย์แนวดราม่า เข้มข้น ที่ออกฉายตั้งแต่ปี 2013 เป็นซีรีย์ที่ค่อนข้างดังในช่วงนั้น เนื่องจากตัวดาราที่รับบทนำมีชื่อเสียง ทางช่อง PPTV เองก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาฉายที่เมืองไทย เรตติ้งในเกาหลีเริ่มตั้งแต่ 6 แล้วก็ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ในตอนจบที่ได้ประมาณ 11 ซึ่งถือว่าดีระดับหนึ่ง กับซีรีย์ที่มีกลิ่นอายของความน้ำเน่า นั้นอาจเป็นเพราะในเกาหลีเอง นานๆ จะมีแนวนี้มาให้ได้ดูกัน  ส่วนตัวได้ดองเรื่องนี้ไว้นานเหมือนกัน เพิ่งมีโอกาสจะได้ดูเนื่องจากช่วงนี้ละครหลายเรื่องกำลัง On Air เลยต้องหาซีรีย์ที่จบแล้ว มาดูเพื่อฆ่าเวลา


ในไทยตอนที่ออกอากาศใช้ชื่อเรื่องว่า ล่ารัก ล่าแค้น เป็นเรื่องราวของฮันจีซู (รับบทโดย Kim Nam Gil) ที่กลับมาแก้แค้นครอบครัวของโจแฮวู (รับบทโดย Son Yeh Jin) ผู้หญิงที่เค้ารัก เนื่องจากการตายของพ่อและอุบัติเหตุกับตัวเค้าเองในตอนเป็นเด็ก ซึ่งในอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้ฮันจีซู ต้องทำศัลยกรรม และใช้ชีวิตในนามของ คิมจุน ที่ประเทศญี่ปุ่น 

12 ปีผ่านไป คิมจุนได้กลับมาที่เกาหลีอีกครั้งในในฐานะ CEO ของโรงแรม ซึ่งเป็นเดียวกันการแต่งงานของโจแฮวูกับโอจุนยอง (รับบทโดย Ha Suk Jin) เพื่อนสมัยเด็กของฮันจีซู และถือเป็นวันเริ่มต้นการล้างแค้นของฮันจีซูอย่างเป็นทางการ


แค่เรื่องย่อ ความน้ำเน่าก็เริ่มโชยออกมาให้ได้กลิ่นกันบ้าง ในส่วนของนักแสดงเอง ก็ถือว่าดีระดับหนึ่ง ส่วนเนื้อเรื่องยังถือว่าไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ ทั้งที่มีตั้ง 20Ep. แต่เหมือนมาเฉลยที่ Ep. สุดท้ายที่ค่อนข้างอัดแน่น บทละครบางตัวเหมือนหายไปเลย ไม่มีข้อสรุป เช่น เลขาจาง งี่เง่าน่ารำคาญสุดก็คงเป็นบทนางเอก ไม่แน่ใจว่ามีอคติกับนางจากเรื่องล่าสุดหรือเปล่า Something in the rain จะดูไม่จบก็เพราะนางเอกนี่แระ ถ้าเต็ม  10 คะแนน ส่วนตัวคงให้ซีรีย์เรื่องนี้ แค่ 6 คะแนน ที่ให้เกินครึ่ง คงเป็นเพราะตอนจบที่หักมุม ทำร้ายน้ำใจคนดูสุดๆ 

ถ้าใครอยากรู้ว่าซีรีย์น้ำเน่าของเกาหลีเป็นอย่างไร แนะนำให้ดูเรื่องนี้ค่ะ

Image source : www.koreandrama.org

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

The Undateables / Hoon Nam and Jung Eum



ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องของการกระทำ” 

เป็นที่มาของคำว่า ทำดีแทบตาย แต่ก็ไม่ได้อะไร ถ้าคนนั้นไม่ได้มีใจให้กับเรา อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซีรีย์เรื่องนี้โดยตรง แต่เป็นสิ่งที่คิดขึ้นได้ในขณะที่ดูซีรีย์เรื่องนี้ สะท้อนถึงความรักที่ไม่สมหวังของชเวจุนซู ผู้ชายที่แสนดี ดีพร้อมทุกอย่าง และเป็นผู้ชายที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับยูจองอึม นางเอกของเรื่องมาถึง 30 ปี แต่สุดท้ายที่ได้กลับมาคือคำว่าเพื่อนรัก รู้สึกโกรธนางเอกที่เห็นแก่ตัว แฟนก็จะเอา เพื่อนก็จะเอา ไม่สามารถรักเพื่อนในฐานะคนรักได้ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนไปตามทาง บังคับให้อยู่ข้างๆ นางอีก อินไปหน่อยนะจุดนี้ 

เป็นซีรีย์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง  ตั้งแต่พบกัน รู้จักกัน รักกัน แต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเลิกรากันไป ซึ่งในความสัมพันธ์แต่ละครั้ง แต่ล่ะคน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประคับประคองให้มันราบลื่นไปได้ เป็นปกติที่ต้องมีอุปสรรคเข้ามาเรื่อยๆ อยากให้มองว่าอุปสรรคนั้น มันเป็นแค่บททดสอบ สุดท้ายแล้วถ้ารักกันจริง ไม่ว่ายากแค่ไหน ก็ต้องผ่านไปได้



คังฮุนนัม (Nam Goong Min) ผ.อ แกลเลอรี่ ของเล่น ชายหนุ่มผู้ที่คิดว่าความรักเป็นเรื่องง่าย  เป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญเรื่องของความรัก ความสัมพันธ์ จากสิ่งที่เห็นรอบตัว เขียนคอลัมน์ในนิตยสารเรื่องของความรัก แต่ทว่าตัวเองไม่เคยคิดจะรักใคร กลัวว่าสุดท้ายแล้วจะทำให้คนอื่นเจ็บปวด เพราะตัวเค้าเองเกิดก็จากความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวัง 


ยูจองอึม (Hwang Jung Eum) หญิงสาวที่เคยเจ็บปวดเรื่องของความรัก เพราะไม่ประสีประสาเรื่องของความรัก (แฟนเก่าที่ทิ้งไปได้กล่าวไว้) ทำงานในบริษัทจัดหาคู่ เพื่อให้สมาชิกได้เดตและแต่งงานกัน เนื่องจากเห็นว่าคังฮุนนัม เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของความรัก จึงให้มาช่วยเหลือในงานของตัวเองเพื่อที่จะไม่ได้โดนปลดจากตำแหน่งงาน


ชเวจุนซู ( Choi Tae Joon ) หมอกายภาพบำบัด เพื่อนสนิทจองฮึม ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน เป็นชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างต้องการ แต่ก็ไม่มีแฟนและไม่ยอมไปเดตกับใครสักที หลงรักจองฮึมตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีตอนพ่อจองฮึมบอกไฟเขียวให้จีบลูกสาวตัวเองได้  

ที่สำคัญสิ่งที่ซีรีย์เรื่องนี้พยายามจะสื่อคือ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของทฤษฏี ไม่มีกฎตายตัว เรามักมองเห็นเรื่องราวของคนอื่นว่ามันเป็นเรื่องง่าย เพราะเรามีเหตุผลมากพอที่จะคิดวิเคราะห์  แต่พอเรื่องของตัวเองเราก็มักจะตกม้าตาย เอาตัวไม่รอดถึงแม้ว่าจะเก่งแค่ไหนก็เถอะ เพราะในตอนที่เรามีความรักสิ่งที่มักจะขาดไปเสมอ คือเรื่องของเหตุผล ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกจะมาก่อนเสมอ  แต่สิ่งเดียวที่จะประคับประคอง ความสัมพันธ์นั้นไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง คือความรักนั้นเอง...เช่นกัน หากไม่มีซึ่งความรักแล้วนั้น ถึงแม้จะพยายามทำให้ความสัมพันธ์มันดีแค่ไหน สุดท้ายมันก็ไม่มีความหมายอยู่ดี เพราะความรักมันเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องของการกระทำ

ความประทับใจแรกพบ สำคัญฉันใด ความประทับใจเมื่อจากลาก็สำคัญฉันนั้น 
รูปแบบของความสัมพันธ์เป็นตัวกำหนดว่าช่วงเวลาเหล่านั้นน่าจดจำ หรือเป็นบาดแผลที่ยากจะลืม
ถ้าเราอยากมอบความทรงจำดีๆ แทนที่จะทำร้ายอีกฝ่าย
ก็เหมือนกับการเตรียมตัวสร้างความประทับใจแรกพบ เราต้องเตรียมคำร่ำลาให้ดี
ธรรมชาติสร้างให้หญิงชาย ต่างกัน และความแตกต่างนำมาซึ่งการเข้าใจผิด
เราสามารถจบความสัมพันธ์ด้วยดี

ความคบหากันคือความทรงจำ แตกต่างไปตามมุมมอง
เหตุการณ์เดียวกัน แต่ความทรงจำต่างกัน สิ่งนั้นคือการคบหากัน
ความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
เหมือนที่ทำนายไว้ว่าโลกจะแตก แต่มันก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
บทสรุปของความสัมพันธ์  เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ 

Image source : www.koreandrama.org