วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561

My Name Is Kim Sam Soon




น่าจะมากกว่า 10 ปีที่ได้ดู อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นซีรย์เรื่องแรกที่ดู จำได้ว่า ช่อง 9 เอาเข้ามาฉาย ช่วงบ่ายวันเสาร์และอาทิตย์  พอดูจบตอน 2 ของบ่ายวันอาทิตย์แค่นั้น เข้าร้าน DVD ซื้อมาดูเลยจ้ะ (ของแท้ พากย์ไทย พันกว่าบาท ทุ่มทุนสร้าง เพราะฮยอนบิน เลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง )   สมัยนั้นหาดูได้ยาก ไม่มี Web ให้ดูเยอะแยะเหมือนตอนนี้   



ทำไมซีรีย์เรื่องนี้ ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะนางเอก อ้วน ไม่สวย แต่ได้ใจพระเอกไปครองไงค่ะ ที่สำคัญพระเอกอายุน้อยกว่านางเอก (เมื่อ 10 ปีที่แล้วคิดว่าแนวคิดเรื่องนี้ยังใหม่อยู่สำหรับซีรีย์)  ซีรีย์มีความเป็นเรียลอย่างแท้จริง ดูแล้วทำให้มีความเชื่อว่าเป็นแบบนั้น ที่สำคัญนักแสดงที่รับบทนางเอกไม่ใช่คนอ้วน แต่ตอนที่มารับบทซีรีย์เรื่องนี้ นางขุนตัวเองขึ้นมาเกือบ 6 -10kg เพื่อให้เข้ากับบทบาทของตัวละคร
            
คิมซอนอา รับบท คิมซัมซุน สาววัย 30   ผู้อวบอ้วน เอาแต่ใจ ปากเสีย นิสัยไม่ยอมคน มีอาชีพ Pattisier (ปาติซิเย่ ช่างทำเบเกอรี่ ฝรั่งเศส) โดนแฟนทิ้งในวัน คริสต์มาสอีฟ พร้อมๆ กับโดนไล่ออกจากงาน เพราะลางานไปจับผิดแฟนในคืนดังกล่าว


ฮยอนบิน รับบท ฮยอนจินฮอน   ชายหนุ่มหน้าตาดี ผู้ผิดหวังในเรื่องความรัก สันโดษ เรื่องมาก กวนตีน หลงตัวเองสุดๆ(เท่าที่ดูมาจนถึงเรื่อง Hyde Jekyll, Me  ส่วนตัวชอบฮยอนบินเล่นเรื่องนี้ที่สุด) เป็นเจ้าของร้านอาหาร ทายาทเจ้าของโรงแรมใหญ่ เจอซัมซุนครั้งแรกในวันคริสมาสอีฟ  ประกาศตัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะไม่มีทางหลงรักซัมซุน

จองรยอวอน รับบท ยูจินฮี คนรักของจินฮอน ที่กลับมาหลังจากหายไป 3 ปี  ปี  ผอม สวย น่ารัก  เป็นมิตร นิสัยดี เป็นผู้หญิงที่ตรงกันข้ามกับซัมซุนทุกอย่าง  มั่นใจว่าความรักของจินฮอนที่มีให้กับตัวเองจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 


 เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อซัมซุนได้ไปทำงานในร้านของจินฮอน และต้องแกล้งเป็นแฟนกับ  แลกกับการให้ยืมเงินห้าสิบล้านวอน ( 1.5 ล้านบาทไทย) เพื่อตบตาแม่ของจินฮอนที่ต้องการให้ลูกชายเดทกับผู้หญิงสักคน  ความสนุกของซีรีย์เรื่องนี้ อยู่ที่บทพระนางที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน จิกกัดกันได้ตลอดเวลา  โดยเฉพาะตอนที่จินฮอนไม่กล้ายอมรับว่าตัวเขาเองได้หลงรักซัมซุน  ซีรีย์ดำเนินไปแบบไม่น่าเบื่อ ฮาได้ตลอดเวลา กำลังซึ้งอยู่ดีๆ ไม่ถึงช่วงวินาที ฮาอีกแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ซีรีย์เรื่องนี้ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย 

สำหรับฉากที่ประทับ คงเป็นฉากในตำนาน สำหรับจูบแรกที่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจของทั้งสองคน จูบที่เผยความในใจของซัมซุนที่เริ่มชอบจินฮอน  ส่วนอีกฉากเป็นฉากที่จินฮอนไปบอกเลิกกับจินฮี  นางถามว่ารักซัมซุนรึ จินฮอนตอบกลับไปว่า ตัวเขาคิดถึงซัมซุนตลอดเวลา ซัมซุนทำให้ได้หัวเราะ ทำให้มีความสุข แต่ไม่ยอมเอ่ยออกมาว่ารักซัมซุนต่อหน้าจีนฮี  คือมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในการบอกเลิกใครสักคนที่เคยรัก แต่วิธีการต่างหากล่ะที่มันยากกว่า
                
 ใครที่ยังไม่เคยดู แนะนำให้หามาดูกันค่ะ แม้จะเก่าไปมาก  แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน และถึงจะหยิบมาดูใหม่อีกสักกี่รอบ ก็ยังได้ความรู้สึกเดิมๆ (ถ้าไม่ขัดใจกับขากางเกงพระเอก สมัยนั้น ซะก่อน)  ไม่อยากให้พลาดสำหรับซีรีย์เรื่องนี้  ดูเสร็จแล้ว มุมมองความรักของคุณอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ 

จงมีรัก เหมือนเราไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน  
จงเต้นรำ เหมือนไม่มีใครจ้องมองเราอยู่
จงร้องเพลง เหมือนไม่มีใครฟังเราอยู่
จงทำงาน เหมือนเราไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท
จงใช้ชีวิต เหมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต


วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Be With You





ปาฎิหาริย์ สัญญารัก ฤดูฝน  คิดว่าโชคดี ที่ยังไม่เคยดูเวอร์ชั่นของญี่ปุ่น ก่อนเข้าไปดู หัวจึงโล่งมาก เพราะไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ รู้แค่อย่างเดียวว่าเป็นหนังรัก ดังมากตอนที่สร้างครั้งแรก ทำให้เกิดเวอร์ชั่นของเกาหลี แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากในโรง หนังเกาหลีที่นำมาฉายบ้านเรายังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ สังเกตจากจำนวนคนที่ดูในโรง หรือว่าส่วนใหญ่ดูแผ่นผีซีดีเถื่อน อันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน

หนังเรื่องนี้ได้เฮียโจ (โซจีซบ)  มารับบทพระเอก วูจิน  ผู้ชายซื่อๆ ขี้อาย มั่นคงในรัก ในส่วนของการแสดงคงไม่ต้องบรรยายว่าเป็นอย่างไร  ส่วน ซอน เยจิน รับบทนางเอก ซูอา (ดูเรื่องนี้แล้วให้อภัยนาง หลังจากที่เพิ่งดู Something in the rain เบื่อขี้หน้านางมาก 555)  ที่เสียชีวิตหลังจากแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกับ วูจิน ได้ 8 ปี มีลูกชายด้วยกันชื่อ จีโฮ หลังจากนั้น  1 ปี นางได้กลับมาแต่กลับจำอะไรไม่ได้

หนังได้นำเสนอ ความรัก ความอบอุ่น ความผูกพันธ์  ของสามคนพ่อแม่ลูก แบบเล่าเรื่อง ตั้งแต่ก่อนที่จะรักกันแต่งงานกัน จนมีลูกสลับกันไปมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูสับสน ในการดำเนินเรื่อง และนอกจากบทของพระนางแล้ว บทของจีโฮ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน (เสียน้ำตาเพราะจีโฮมาแล้ว) ส่วนจุดไคล์แม็กซ์  ของเรื่องนี้เริ่มจะเดาได้ ตั้งแต่เห็นว่านางเอกใส่จุดเดียวกัน กับวันที่มาโผล่ในอุโมงค์ แต่ถ้าถามว่าเหนือความคาดหมายไหม ก็ตอบเลยว่ามาก นับว่าคุ้มค่าสำหรับการเสียเงินไปดู

ดูแล้วได้อะไร สำหรับตัวเอง ความรักของคนทั้งคู่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2533 แต่เนื่องจากความไม่กล้าของทั้งคู่ ทำให้ต้องห่างกันไปถึง 8-9 ปี ค่อยกลับมาเริ่มกันใหม่และได้แต่งงานกันในที่สุด (เรื่องเวลา คำนวณจากเวลาที่หนังนำเสนอ) และแต่งงานกันได้แค่ 8 ปี นางเอกก็ตาย แต่ถ้ากลับกัน หากทั้งสองเริ่มใจกล้าหน้าด้านตั้งแต่ตอนนั้น คงได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตั้ง 16-17 ปี...ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน อยากรักก็ควรจะได้รัก อยากกินก็ควรจะได้กิน (เกี่ยวกันไหม) อยากทำอะไรให้รีบทำ อยากบอกอะไรกับคนข้างๆ ก็ให้รีบบอก....เฮียโจน่ารักมากกกกกก

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Exit





มินิซีรีย์ 4 ตอนจาก SBS  ที่อยากแนะนำให้ดู เป็นเรื่องราวของโดคังซู ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่พบว่าชีวิตตัวเองมันช่างไม่มีความสุขสิ้นดี โดนแม่ทิ้งไปแต่เด็ก อยู่กับพ่อที่ติดเหล้า ทุบตีเขา เป็นโรคร้าย แถมมีหนี้สินก้อนโต  ที่ทำให้เขาต้องทำงานเป็นอันธพาล รับใช้แก๊งค์นักเลง เพื่อใช้หนี้ให้พ่อที่ไม่มีวันหมดสักที

แล้ววันหนึ่ง โดคังซู เจอโปสเตอร์แผ่นหนึ่งที่เขียนว่า อยากมีความสุขไหม จึงสนใจและได้ทราบว่าเป็นโครงการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ยาเพื่อกระตุ้นสมอง  แต่ก่อนที่โดคังซู จะเซ็นชื่อเพื่อเข้าร่วมโครงการ เขาเกิดฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงปฎิเสธไป แต่หลังจากนั้นไม่นานโดคังซูได้เกิดอุบัติเหตุพร้อมๆ กับจีซอนยอง ผู้หญิงที่เขาแอบรัก ทำให้ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

หลังจากฟื้นขึ้นมาโดคังซู รู้สึกว่าตัวเองทำอะไร ก็ประสบผลสำเร็จ ทั้งเรื่องเงิน งาน ความรัก ครอบครัว อยู่ๆแม่ที่หายตัวไปถึง 30 ปี ก็กลับมา พ่อที่ป่วยอยู่ก็สุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างมันดีไปหมด และควรมีความสุขตามที่เขาเคยหวังไว้ แต่ลึกๆ แล้วโดคังซูกลับรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป

เป็นจริงตามคาด จากอุบัติเหตุข้างต้น ทำให้พ่อของเขา นำตัวลูกชายเข้าสู่โครงการ เพราะอยากให้ลูกชายมีความสุข และกึ่งโดนบังคับ  (หัวหน้าแก็งค์อันธพาล ให้โดคังซู เข้าร่วมโครงการ เพื่อแลกกับการปลดหนี้ ) โดยหารู้ไม่ว่า การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว อาจทำให้ลูกชายของตนเองมีอันตรายถึงชีวิต

ซีรีย์นำเสนอให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสองพ่อลูก ที่แม้ว่ามันจะไม่ราบรื่น ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่มีให้กัน คือความรัก ความหวังดี ความเป็นห่วงเป็นใย (แต่ไม่เคยแสดงออก)

จุดพีคจริงๆ น่าจะเป็นประเด็นที่โดคังซู  พยายามออกมาจากโลกที่มีความสุขแบบจอมปลอม  เพื่อกลับมาอยู่กับพ่อในโลกแห่งความเป็นจริง  ในขณะที่ผู้เข้าร่วมโครงการคนอื่นๆ รวมทั้งจีซอนยอง กลับเลือกจะอยู่ในโลกที่คิดว่าตัวเองมีความสุข เพ้อฝัน จอมปลอม โลกสวย... ความสุขอยู่รอบๆตัวเราเอง อย่าไปมองหาอะไรที่ไกลตัว ทำทุกวันให้มีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ดีกว่าค่ะ 



วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Suits



 หน้าที่กับความ(รู้สึกว่า)ถูกต้อง  มันไม่สามารถเดินไปพร้อมกัน กันได้จริงๆ หรือ ??
Suits ซีรีย์แนวกฎหมายชื่อดังที่มาจากฝั่งอเมริกา ทางเกาหลีนำมารีเมค โดยเขียนบทและดัดแปลงให้เข้ากับเกาหลี  เป็นเรื่องราวของทนายความสองคน  คนหนึ่งเป็นทนายความฝีมือดีระดับแนวหน้าของวงการ ส่วนอีกคนเป็นอัจฉริยะที่มาเป็นทนายโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพ  

จางดงกอน ดาราแนวหน้าของเกาหลีมา รับบทเป็น ทนายชเวคังซอก  ทนายฝีมือดี มีพรสวรรค์ในการว่าความ ทันคน มีเล่ห์เหลี่ยม  เย็นชา หลงตัวเอง  เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ในเรื่องใส่สูทตลอดเวลา  เคยเป็นอัยการมาก่อน รับว่าความไม่เคยแพ้ หรือพูดอีกแง่หนึ่ง คือ ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ

พัคฮยองชิก รับบท โกยอนอู ชายหนุ่มอัจฉริยะ ที่เห็นอะไรเพียงครั้งเดียว สามารถจดจำได้หมด เรียนหนังสือไม่จบ แต่มีความรู้ทางกฎหมาย  ได้เข้ามาทำงานเป็นในสำนักทนายความ เนื่องจากเห็น ทนายชเวคังซอก มองเห็นความสามารถ ทำทุกอย่างบนพื้นฐานความรู้สึกที่เห็นว่าถูกต้อง เป็นคนจิตใจดี มีความเห็นอกเห็นใจ แม้กระทั่งลูกความฝ่ายตรงกันข้าม



ซีรีย์นำเสนอทุกแง่มุมของทนายความ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เล่ห์เหลี่ยม การวางตัวในสังคม การชิงดีชิงเด่น  แก่งแย่งอำนาจกันเองในบริษัท  ไปพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครหลัก ที่ค่อยผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องนี้เสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างพอดี ไม่เครียด ได้ความรู้ แถมความฮาแบบหน้าตาย  ทำให้ดูได้อย่างเรื่อยๆ ไม่หนักเกินไป

สำหรับฉากที่ประทับใจ เป็นฉากที่ความลับของโกยอนอูถูกเปิดเผย  ทนายชเวคังซอกโกรธมาก เดินออกมานอกห้องทำงาน เพื่อไปหาทนายฮัม (คนปล่อยข้อมูล) ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในเรื่องที่ทนายชเวคังซอกไม่ได้ใส่สูท ทั้งที่ต้องเนี๊ยบตลอดเวลา ตามคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เขียนไว้ข้างต้น  ฉากที่ออกมาสื่อให้เห็นว่า โกยอนอู มีความสำคัญกับทนายชเวคังซอกมากแค่ไหน

บทสรุปของซีรีย์เรื่องนี้  เกี่ยวข้องการตั้งคำถามในตอนต้น  ทำไมทนายชเวคังซอกจึงพยายามทำหน้าที่ให้สำเร็จโดยที่ไม่คำนึงถึงความ(รู้สึกว่า)ถูกต้อง เพราะสำหรับเขาแล้ว การเผยความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ มันทำให้คู่แข่งเห็นจุดอ่อนของเขาและใช้จุดอ่อนนั้นมาเล่นงานเขาเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง ส่วนโกยอนอู ก็เปรียบเมือนทนายชเวคังซอกเมื่อครั้งอดีต ที่มีความเฉลียวฉลาด เห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นก็กลายมาเป็นจุดอ่อน ส่งผลมาถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เขาถึงได้พยายามบอกและสอนให้โกยอนอู อย่าใช้ความรู้สึกในการทำงาน


รอติดตามซีซั่นต่อไปอยู่ เพราะของอเมริกามีถึง 7 ซีซั่น ใครที่เบื่อเรื่องรักๆใคร่ แนะนำให้รีบหาเรื่องนี้มาดูโดยด่วน

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Because This Is My First Life






คนที่อยากมีบ้านต้องดูซีรีย์เรื่องนี้  ถึงแม้ว่าราคาบ้านในโซลเมื่อเปรียบเทียบกับ กทม จะต่างกันลิบลับ แต่สิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวมองว่าคล้ายคลึงกัน คือวิถีสำหรับคนที่ซื้อบ้านกับคนที่เช่าบ้าน  คนที่มีบ้านเป็นของตัวเองก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเงินทั้งหมดมาผ่อนบ้าน ส่วนคนที่ยังเช่าบ้านอยู่ ก็พยายามที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง   

ซีรีย์เรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตของคนวัยทำงาน  ผ่านตัวละคร 3 คู่ ซึ่งแต่ละคู่มีเหตุผลและมุมมองการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องความรัก

คู่แรก  นัมเซฮี พระเอกมีบ้านเป็นของตัวเอง  ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นผู้ชายประเภทไม่แคร์สังคม มีตรรกะแปลกๆ   ส่วนนางเอก ยุนจีโฮ เป็นผู้ช่วยนักเขียนบทละคร  มาเช่าบ้านของนัมเซฮีอยู่  (นัมเซฮีปล่อยเช่า เพื่อหารายได้ส่วนหนึ่งมาผ่อนบ้าน โดยเข้าใจว่ายุนจีโฮ เป็นผู้ชาย  ) นัมเซฮียื่นเงื่อนไขให้ยุนจีโฮ แต่งงานด้วยเพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่าเค้ามีชีวิตที่ปกติทั่วไป และพ่อแม่ของเค้าจะได้มาต้องวุ่นวายกับชีวิต  โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้ยุนจีโฮ อยู่ในบ้านต่อ ซึ่งในการอยู่ร่วมกัน ทุกอย่างตีค่าออกมาเป็นเงินทั้งหมด เหมือนผุ้เช่ากับเจ้าของบ้าน  ( House mate )  

คู่สอง ชิมวอนซอกและยางโฮรัง  เป็นคู่รักที่คบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งสองคนไม่มีบ้าน ยังเช่าบ้านอยู่ ซึ่งยางโฮรัง ต้องการการแต่งงาน มีลูก เธอมองว่าการแต่งงานเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตของเธอ  แต่ ชิมวอนซอก ยังไม่พร้อม เนื่องด้วยยังไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงทำให้มีปัญหาระหองระแหงกัน

คู่สาม อูซูจี หญิง ที่เก่ง มั่นใจในตัวเองสูง ทำแต่งาน คิดว่าการแต่งงานไม่สำคัญ  ไม่มีแฟน แต่ มี one night stand  เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องเป็นภาระกับใคร  โดยเงินเก็บที่หามาได้ตั้งใจที่จะซื้อบ้านอยู่กับแม่ และ ประธานมา  ที่เป็น CEO ของบริษัทที่ นัมเซฮี ทำงานอยู่  ผู้ที่เคยเป็น one night stand  กับเธอ  เป็นผุ้ชายที่มีความพร้อมและอยากจะดูแลผู้หญิงที่เค้ารัก

เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ในบทถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว เหมือนเราเข้าไปมีบทบาทอยู่ในเรื่องโดยไม่รู้ตัว คอยลุ้นมาจะเป็นยังไง นัมเซฮีจะรักยุนจีโฮตอนไหน เพราะเรื่องนี้บอกได้เลย ว่าพระเอกเป็นคนที่ไม่แสดงอาการอะไรเลย นิ่งมาก ไร้ความรู้สึก เหมือนหุ่นยนต์ก็ว่าได้  ความหวานน่าจะออกมาเกือบ Ep สุดท้าย แต่ก็ดูได้ไม่ติดขัด เพราะมีที่มาที่ไปที่ทำให้กลายเป็นคนแบบนี้

สุดท้ายแล้ว การมีบ้าน แต่ไม่มีคนที่นั่งรอคอยคุณกลับบ้าน ไม่มีคนคอยทะเลาะกับคุณในบ้าน หรือมีบ้านแล้ว ต้องใช้ชีวิตแบบไม่เต็มที่  ไม่มีเพื่อนมีฝูง เพราะต้องเอาเงินทั้งหมดทุ่มไปกับบ้านนั้น  เป็นชีวิตที่มีความสุขจริงรึ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับซีรีย์แต่เป็นการตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ

Warm And Cozy







                        

 ใครกำลังที่มี Plan จะไปเที่ยวเกาะเซจู หรือ อยากรู้ว่าเกาะเซจูเป็นอย่างไร แนะนำว่าต้องรีบไปหาซีรีย์เรื่องนี้มาดูกัน  โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นฤดูร้อนของเกาหลี  (มิถุนายน กันยายน)  ซึ่งเป็นช่วงที่ซีรีย์เรื่องนี้ถ่ายทำพอดี ดังนั้นบรรยากาศก็จะคล้ายในเรื่อง ดูเสร็จอาจจะรีบจองตั๋วไปกันเลยก็ได้ ไม่ว่ากัน


จุดเริ่มต้นของซีรีย์เรื่องนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเกาะเซจู เกาหลีใต้ ดังนั้นความประทับใจแรกที่ได้ดู คือภาพสวยมาก ส่วนเนื้อเรื่องตามมาทีหลัง ซึ่งถ้าเราเปิดใจดูให้จบ ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ไม่ขี้เหร่มากนัก นอกจากจะได้รู้ว่าเกาะเซจูเป็นอย่างไร ยังสอดแทรกวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้านในเกาะนี้ไว้ด้วย 

เริ่มจากอีจองจู  มีความจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ที่เซจู เพราะน้องชายแอบเอาเงินก้อนสุดท้ายมาซื้อบ้านไว้ที่นี่ ประจวบกับจับได้ว่าแฟนนอกใจ   และโดนไล่ออกจากงาน  ได้มาเจอกับแพ็คกอนอู ที่เป็น เซฟ เปิดร้านอาหารเล่นๆอยู่บนเกาะ เพื่อให้ผู้หญิงที่เค้าชอบประทับใจ  ไม่อยากทำร้านต่อ จึงได้ยกร้านให้อีจองจู ดูแลเพราะเข้าใจว่านางป่วยใกล้ตาย

สำหรับซีรีย์เรื่องนี้ ตัวละครที่ชอบอีกบท คือ บทของพระรอง ฮวังอุค นายกเทศมนตรีของเกาะเซจู  เล่นได้ฮาเป็นธรรมชาติมาก  ทั้งก่อนชอบนางเอก จนหลงรักนางเอก รู้ทันนางเอกทุกเรื่อง  สอนวิธีการ แนะนำการใช้ชีวีตบนเกาะให้นางเอก  ไม้เบื่อไม่เมากับพระเอก (ยังกับเป็นแฟนกัน)  บทจะน่าสงสาร พี่แกก็เล่นได้อินจริงๆ  แค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว ยอมรับว่าเรื่องนี้เล่นได้ดีจริงๆ 

นอกจากภาพสวยๆ ของสถานที่ต่างๆ บนเกาะมาให้ดูกันแล้วยังสอดแรกด้วยเมนูอาหาท้องถิ่นพร้อมวิธีทำในช่วงท้ายของแต่ Ep ไว้ด้วย อาจจะเป็นเพราะในเรื่องแพ็คกอนอูเป็นเซฟ แนะนำให้ดูค่ะ แล้วคุณจะหลงรักเกาะเซจู โดยไม่รู้ตัว 

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Something In The Rain



เพิ่งดูเรื่องนี้จบเมื่อคืน เป็นซีรีย์เรื่องแรกในรอบหลายปีที่ใช้เวลาดูนานที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะ Junghaein พระเอกของเรื่อง คงจะเลิกดูไปเลย อย่างที่ทราบดี ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ Haein ได้เล่นเป็นประเอกอย่างเต็มตัว ทำให้เรื่องนี้กระแสมาแรงตั้งแต่ยังไม่ออนแอร์ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง

เป็นเรื่องราวความรักระหว่างยุนจินอากับซอจุนฮี รักต่างวัย ที่ครอบครัวไม่สนับสนุน เนื่องจากชาติตระกูลของฝ่ายชายและอายุที่ห่างกัน เล่าแค่นี้พอ ที่เหลือไปตามต่อเอง อยากจะแนะนำแค่อย่างเดียว ถ้าเริ่มดูไปแล้ว รู้สึกว่านางเอกเริ่มงี่เง่าตั้งแต่ Ep. ไหน แล้วคิดว่าทนดูต่อไม่ได้ แนะนำให้เลิกดูไปเลยค่ะ เพราะจะทำให้เสียความรู้สึกเปล่าๆ นี่ดูจนจบ ยังไม่เข้าใจความคิดนางเอก ว่านางคิดอะไรอยู่ คนเขียนบทต้องการสื่ออะไร มันดูซับซ้อนเหลือเกิน ทำให้ซีรย์เรื่องนี้ลดความสนุกลงไปมากกว่าครึ่ง  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะ Haein  คิดไม่ออกว่าเรื่องนี้เรตติ้งจะเป็นอย่างไร 

ส่วนฉากที่ประทับใจ เป็นฉากต้นๆ เรื่อง ที่ทั้งสองเผยความรู้สึกที่มีต่อกัน นางเอกแอบจับมือพระเอกใต้โต๊ะ เพื่อบอกให้รู้ว่านางก็แอบมีใจอยู่นะจ้ะ 555 ซึ่งในตอนนั้นพระเอกทำหน้าไม่ถูก ( ตอนมาไทย Haein ให้สัมภาษณ์ว่าชอบฉากนี้เหมือนกัน) ส่วนตัวคิดว่าเป็นฉากที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้น่าติดตาม

Something  in the rain ความรักเริ่มต้นในวันฝนตก และจบลงในวันฝนตก แล้วก็เริ่มใหม่อีกครั้งในวันฝนตก ร่มแดง ร่มเขียว และร่มส้ม  สัมพันธ์กันอย่างไร ดูจนจบก็ยังหาความหมายไม่เจอ แต่ถ้าอยากเต็มอิ่มกับ Haein แนะนำให้รีบหามาดู แล้วคุณอาจจะอยากเป็นนูน่าแทนนางเอกก็ได้  ไม่อินแต่ฟิน สำหรับเรื่องนี้ 


วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Queen Of The Ring




มันไม่ยุติธรรมที่โลกจะชอบแต่คนสวย แต่ปัญหาคือ ฉันเองก็ชอบคนหล่อเหมือนกัน

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าคนหน้าตาดีอย่างพัคเซกัน จะมาเดทกันกับ โมนันฮี ผู้หญิงที่พัคเซกันไม่มีวันมอง หากว่าไม่ใช่เป็นเพราะอานุภาพของแหวนประจำตระกูล

ซีรีย์สั้น 6 ตอน แนว Romantic แฟนตาซี ด้วยมีความยาวแค่ ตอนล่ะ 30 นาทีจึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดูซีรีย์นานๆ ใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง ก็จะได้ฟินและเต็มอิ่มกับซีรีย์เรื่องนี้

เรื่องราวเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยมูนซอง พัคเซกัน นักศึกษาปี 2 ด้านดีไซน์แฟชั่น ผู้ชายที่เกิดมาเพื่อที่จะยืนอยู่หน้าเวทีเท่านั้น อุบัติเหตุทำให้ได้มาเจอกับ โมนันฮี นักศึกษาปี 2 ศิลปกรรมศาสตร์ ผู้หญิงที่ผู้ชายไม่คิดจะมอง แต่นางแอบรักพัคเซกัน (เริ่มแรกที่หน้าตาและเพราะความหมั่นไส้ที่ตอนเจอกันครั้งแรกคิดว่าเซกันตั้งใจช่วยนางจากอุบัติเหตุ แต่จริงๆแล้วเซกันต้องการช่วยผู้หญิงอีกคนมากกว่า โดยทิ้งคำพูดก่อนจากกันว่า คนสวยไม่สมควรตายเร็ว..) จึงคิดเอาแหวนมาใช้กับเซกันโดยหลอกให้เซกันสวมแหวนให้นาง แล้วจะมองเห็นหน้าตา นันฮี เป็นสาวในฝันของตัวเอง... เล่าแค่นี้พอ ที่เหลือไปติดตามกันเอาเอง รับรองว่าซีรีย์เรื่องนี้มีดีกว่าที่คุณคิด

นอกจากจะถ่ายทอดในมุมองเรื่องของความรักแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนปัญหาสังคมของเกาหลีในปัจจุบันไว้ด้วย ที่หน้าตาเป็นคุณสมบัติข้อแรกในการดำรงชีวิต ถึงขนาดที่ว่า ถ้าใครมีลูกสาว พ่อแม่ต้องเตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับทำศัลยกรรม จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจความงาม จะบลูมมากและมีอยู่ทั่วทุกมุมถนนในเกาหลี

...ความสวยงามอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก แต่เมื่อคุณรักใครสักคน คนๆนั้นจะดูสวยเอง...






วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Welcome to Waikiki








ถ้าใครหาซีรีย์แนวตลก ผ่อนคลายสมอง แนะนำให้รีบไปหาซีรีย์เรื่องนี้ทันทีค่ะ รับรองว่าฮาทุก Ep.  ที่สำคัญรับรองว่ามุกไม่ซ้ำกับเรื่องอื่นๆ แน่นอน อารมณ์ว่าคนเขียนบทนายแน่มาก คิดมาจากตรงไหน ยังไง

เริ่มจาก คังดงกู บงดูชิก  อีจุนกิ 3 หนุ่ม เพื่อนกัน ที่ต่างคนต่างมีความฝัน มาเปิด Guesthouse และอยู่ร่วมกัน ชื่อ Waikiki ที่กำลังจะล้มละลายด้วยเงินกู้ที่ยืมมา เพราะไม่มีลูกค้า ผนวกกับทั้ง สามหนุ่มไม่มีการมีงานเป็นกิจจะลักษณะ   


ดงกู ฝันอยากเป็นผู้กำกับหนัง ปัจจุบันเป็น freelance ช่างภาพถ่ายรูปเด็กแรกเกิดในสตูดิโอ
ดูชิก มีความฝันที่จะเป็นคนเขียนบทที่มีชื่อเสียง  ปัจจุบันทำงาน Part time ใน Minimart
จุนกิ ฝันอยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเป็นนักแสดงตัวประกอบ ออกฉากเดียวตายประมาณนั้น

นอกจากนั้นยังมี คังซอจิน (น้องสาวดงกู) มินซูอา (แฟนเก่าดงกู) และฮันยุนอา แม่ม่ายลูกติด มาอาศัยอยู่ร่วมกัน นอกจากตัวละครที่กล่าวมาแล้ว ยังมีหนูน้อยซล (ลูกสาวฮันยุนอา) อีกบทหนึ่งที่ดูแล้วจะทำให้หลงรักหนูน้อยคนนี้อย่างแน่นอน

ส่วนฉากที่ประทับใจ น่าจะเป็นฉากที่ ดงกูพยายามกีดกันไม่ให้น้องสาวตัวเอง คบกันกับจุนกิ ทั้งๆที่จุนกิรับปากว่าจะดูแล และไม่ทอดทิ้ง พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นเพื่อเป็นคนรักที่ดี แต่ดงกูกลับตอบว่านั้นไม่ใช่เหตุผล แต่เหตุผลจริงๆ คือ จุนกิคือพี่ชายที่ดงกูรักและเคารพนับถือ และซอจิน ก็เป็นน้องสาวเพียงคนเดียว  หากสุดท้ายไปกันไม่รอด ดงกูจะทำอย่างไร ....นี่แระความหมายของคำว่า มิตรภาพ


ซีรีย์จบลงด้วยบทสรุปที่ว่า ทุกคนต่างมีความฝันเป็นของตัวเอง เดินตามความฝันกันได้ แต่ระหว่างทางนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งความสนุก ทิ้งความรัก ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองไป


วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Black




เป็นซีรีย์ที่มีพล้อตเรื่องแปลก แหวกแนวที่ดูไปแล้วไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย จนมาเฉลยในช่วงตอนท้ายๆ ซึ่งตอนที่ดูอยู่นั้น  ซีรีย์อยู๋ในช่วง On air ยิ่งรู้สึกว่าไม่ต่อเนื่อง แนะนำว่าถ้าจะดูเรื่องนี้ ควรดูรวดเดียวจบ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้งงได้ ที่สำคัญสนุกและน่าติดตามทุกตอน  

เป็นเรื่องราวของยมทูตที่ไร้ความรู้สึก กับ หญิงสาวที่ดวงตาสามารถมองเห็นผีได้ ที่ได้โคจรมาเจอกัน (ซีรีย์เรื่องนี้ไม่ใช่แนว Love line แต่เป็นแนวสืบสวน  นะค่ะ เดี๊ยวจะเข้าใจผิด) ยมทูตรับบทโดย  Song Seung Hun และ คังฮารัม รับบทโดย Go Ah Ra แค่ตัวบทพระนางก็ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้น่าติดตาม ตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย บางคนเลือกดูซีรีย์ เพราะนักแสดงเป็นหลัก แต่ส่วนตัวแล้ว หากเนื้อเรื่องไม่ดี ถึงนักแสดงจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถดึงดูดให้ดูจนจบได้ ดังนั้นเรื่องที่เอามาเขียนส่วนใหญ่ใน Blog นี้ คัดมาจากซีรีย์ที่ประทับใจเป็นหลัก ไม่ใช่ตัวนักแสดง ขอนอกเรื่องนิดนะค่ะ

เริ่มด้วยยมทูตได้ทำวิญญาณตนหนึ่งหาย เลยต้องเข้ามาตามหาบนโลก จับพลัดจับพลูได้เข้าไปอยู่ในร่างของ ฮันมูกัง รักแรกของนางเอก เป็นนักสืบที่โดนฆ่าตายพอดี  ยมฑูต ตั้งใจหลอกใช้นางเอก เพื่อตามหาวิญญาณที่ตัวเองทำหาย สุดท้ายเกิดรักกันแต่ มันก็เป็นไปไม่ได้!!! ชอบที่บทสรุป คือถ่ายทอดออกมาจากความเป็นจริง ไม่ใช่แนวเพ้อฝันที่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป 

สุดท้ายยมทูตเลือกที่จะจากไปพร้อมเก็บความทรงจำไว้คนเดียวในขณะที่ให้ฮารัมลืมทุกอย่าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด และมีความสุขกับชีวิตที่เหลือ  ความรักคือความเสียสละนี่เอง ทั้งเรื่อง ร้องไห้ก็ Ep. สุดท้ายนี่แระ 

My Husband Mr.Oh



เป็นซีรีย์น้ำดีอีกเรื่อง ที่ดูได้เรื่อยๆ  ด้วยมีความยาวถึง 24 Ep. เริ่มเรื่องด้วยการแต่งงานหลอกๆ ระหว่าง ฮันซึงจู สาวโชล กับ โอจักดู หนุ่มบ้านนอก  ที่ต้องมาแต่งงานกันด้วยความจำเป็น   ซึ่งการดำเนินเรื่องแต่ล่ะ Ep. บอกเล่าถึงความหมาย ความสัมพันธ์ ของการแต่งงาน ...

ผู้หญิงถึงแม้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ถ้ายังไม่มีแฟน หรือยังไม่ได้แต่งงาน ถือว่าเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะในสังคมเกาหลี ที่สะท้อนออกมาจากในซีรีย์  ทั้งในเรื่องความปลอดภัย มุมมองคนรอบข้าง หน้าที่การงาน หรือแม้แต่การทานอาหารที่อยากทาน ที่ต้องมาเป็นคู่เท่านั้น (ดีใจที่เกิดเป็นหญิงไทย ก็จุดนี้ 555)

พระเอก โอจักดู (Kim Kang Woo ) แสดงดีมาก รับบทเป็นหนุ่มบ้านนอก ซื่อๆ  เอ่ะอะ อะไร พี่แกน้ำตาคลอตลอด น่าจะร้องไห้ เยอะกว่านางเอก แต่ดูแล้วไม่ได้ขัดอะไร เพราะน่าจะเป็นไปตามคาแรคเตอร์ของตัวละคร ส่วนนางเอก ฮันซึงจู (UEE) ก็ดูแล้วไม่ค่อยจะขัด เหมาะกับบท P.D (แต่เพิ่งเคยดูนางแสดงเรื่องแรก เลยยังบอกไม่ได้ ว่าดีหรือยังไง) แต่ภาพรวม ถือว่าเข้าคู่พระนางกันได้

นอกจากจะเล่าถึงความสัมพันธ์ของการแต่งงาน ในเรื่องยังแฝงการเล่าเรื่องราวของ คายากึม ( Gayagume  เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเกาหลี รูปร่างคล้ายพิณ ซึ่งสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากเครื่องดนตรี กู่เจิง ของจีน)  เป็นอาชีพของจักดู คือ ชอบเกาหลีก็ตรงนี้ ที่เวลานำเสนอซีรีย์แต่ละเรื่อง มีอาชีพหลากหลายออกมาให้ได้รู้จัก

ฉากที่ประทับใจ  ที่ทำให้ฉุกคิดอะไรได้หลายๆ อย่าง เป็นฉากที่ซึงจูตัดสินใจไม่ทำงานที่บริษัทต่อ  แล้วย้ายไปยู่กับจักดูบนเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า หากนางเซ็นไปแล้ว นางต้องเป็นคนของบริษัท และต้องทำงานตามที่บริษัทต้องการ แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ตาม นางเลยตัดสินใจทิ้งความสำเร็จ แต่ไม่ทิ้งความฝัน  บวกกับได้อยู่กับพระเอก ออกมาใช้ชีวิตแบบ Slow life อยู่บนเขา จบแบบ Happy Ending

แนะนำให้ดูอีกเรื่องค่ะ ดูแล้วอาจจะอยากแต่งงานกันบ้างก็ได้  แต่ก็อย่าลืมว่าในความสัมพันธ์ ไม่มีใครได้ทุกอย่างตามต้องการ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง อยากจะได้มาก็ต้องแลกไป อะไรแบบนั้น 






You Drive Me Crazy














เป็นซีรีย์สั้น มีทั้งหมด 4  ตอน เล่าถึงความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อน ที่เผลอไปมีอะไรกัน แต่ไม่อยากตัดขาดจากกัน อยากจะคงความเป็นเพื่อนไว้เหมือนเดิม จึงตกลงกันว่าให้ทำเหมือนไม่มีเกิดขึ้น เรื่องราววุ่นๆ จึงเกิดขึ้น

Kim Seon Ho รับบทเป็น คิมแรวาน  ศิลปินหนุ่ม เจ้าชู้ มั่นใจในตัวเอง หลงตัวเองหน่อยๆ บวกกับโลกส่วนตัวสูง เป็นผู้ชายที่ส่วนตัวคิดว่าไม่หล่อ แต่เป็นคนที่ยิ้มแล้วดูมีเสน่ห์มาก รู้จักตอนที่เล่นเรื่อง Two cops

Lee Yoo Young รับบทเป็น ฮันอึนซอง ล่ามสาว ในเรื่องความรักเป็นคนที่ตรงข้ามกับพระเอก รู้จักนางตอนเล่นเรื่อง Tunnel ชอบมากที่สุดคงเป็นแววตาของนาง

จากที่ได้ดูซีรีย์ของนักแสดงนำมาอย่างละเรื่อง ความคิดแว๊บแรกบทพระนางเคมีไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่เมื่อได้ดูแล้วผิดคาด เอ้อ ไปกันได้นะ แถมเล่นได้ดีด้วย ส่วนฉากที่ประทับใจเป็นฉากที่แรวานรู้ความรู้สึกว่าตัวเองหลงรักอึนซอง ในตอนที่ฮีนัมมาร้องเพลง ที่แต่งให้อึนซองฟังเพื่อให้นางเอกประทับใจ แต่พอเพลงจบ คนที่ร้องไห้กลายเป็นพระเอกซะงั้น

ประทับใจกับซีรีย์เรื่องนี้  จริงๆมันก็เป็นเรื่องง่ายที่คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนจะรักกัน แต่บางครั้งมันก็ยาก เพราะคำว่ามิตรภาพมันก็สำคัญมากๆ พอๆ กับความรัก