วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

School 2017



เป็นซีรีย์เรื่องแรกในตระกูล School ที่หยิบขึ้นมาดู ชื่อเรื่องก็บอกว่าออกอากาศไปตั้งแต่ ปี 2017 เป็นเรื่องล่าสุดในตระกูลนี้ เพราะ School 2018 ยังไม่ออกมา (ไม่แน่ใจว่าปีนี้จะมีไหม เพราะที่ผ่านมา 2 ปี/1 เรื่อง) ออกอากาศ ทางช่อง KBS  ถึงแม้ว่าจะไม่เคยดู แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ คือ นักแสดงหน้าใหม่ที่เข้ามาเล่น แจ้งเกิดกันแทบทุกคน เช่น School  2013 ก็ ลีจงซอก กับ คิมอูบิน , School 2015 ก็ นัมจูฮยอก

สำหรับ School ในเวอร์ชั่นนี้  เน้นเรื่องปัญหาของโรงเรียนเป็นหลัก สถานศึกษาที่มีการแบ่งชนชั้นนักเรียนจากฐานะทางสังคม หรือพูดง่ายๆ ก็คือความรวยสามารถเอาชนะทุกสิ่ง  แม้แต่การเรียน หรือ การได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ก่อนหน้านี้ที่ลงรีวิว เรื่อง Secret Mother  เรื่องของแม่ที่พยายามให้การศึกษาลูกตั้งแต่ระดับประถม เพื่อเป็นบันไดให้เข้าสู่มหาวิทยาลัยดีๆ โดยการหาแข่งขันกันหาติวเตอร์ สถาบันดีๆ เพื่อให้ลูกเก่ง จึงต้องใช้เงินมากเป็นพิเศษ อันนั้นพอเข้าใจได้ ว่าลูกคนรวยมีโอกาสมากกว่าจริงๆ แต่เรื่องนี้ได้เสนอแง่คิดอีกมุม  ว่าเงินมันไม่ใช่แค่การจ้างติวเตอร์ แต่มันสามารถจ้างได้ทั้งโรงเรียน เพื่อทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกได้เข้าเรียนในมหาลัยตามที่พ่อแม่หวังไว้

แล้วก็หันมามองการศึกษาไทย  ที่ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ต่างจากในเรื่องเลยสักนิด ที่ตลอดทั้งปีมีการสอบเก็บคะแนน แล้วเอาคะแนนนั้นมาใช้ประกอบการรับเข้ามหาวิทยาลัย มันโปร่งใสจริงหรือ??? (ถึงตอนนี้ ยังคิดว่าระบบเอนทรานซ์ดีที่สุดคะ) นี่ยังไม่รวมนับรวมความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นกับเด็กที่อยู่กับคะแนน และการสอบทั้งปี อยากจะฝากถึงผู้ปกครองทั้งหลายว่า ความสุขที่สุดของชีวิต อยู่ในช่วงวัยดังกล่าวคะ ไม่ว่าจะรวยหรือจน  การได้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมัธยมถือว่าเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด

แนะนำให้ดูอีกเรื่องคะ อาจจะแตกต่างจาก school เวอร์ชั่นอื่นที่ผ่านมา เป็นซีรีย์ในแนวโรงเรียน แต่เนื้อเรื่องสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย และได้ให้ข้อคิดมากมาย นักเรียนที่ดี ครูที่ดี พ่อแม่ที่ดี เพื่อนที่ดี และโรงเรียนที่ดีเป็นยังไง ซีรีย์เรื่องนี้ถ่ายทอดอออกมาได้ครบรส สมกับเป็นซีรีย์ของครอบครัวอย่างแท้จริง 



Image source:www.koreandrama.org






วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Reply 1988



ม่เขียนไม่ได้สำหรับซีรีย์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นซีรีย์ในดวงใจ หรือ ยกให้เป็นงานระดับ Masterpiece  ของคนเกาหลี ออกอากาศเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เรตติ้งในเกาหลีถือว่าดีมากสำหรับซีรีย์ที่ออกอากาศในช่องเคเบิ้ล  ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีซีรีย์เรื่องไหนทำลายสถิตลงไปได้ (ทำได้สูงสุดที่ 18.80% เปรียบเทียบกับ Goblin จะได้ชัดขึ้น Goblin ทำเรตติ้งสูงสุดที่ 18.68% ในตอนจบ)


เป็นซีรีย์ครอบครัวย้อนยุคในปี 1988  ถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ความผูกพันธ์ มิตรภาพระหว่างเพื่อน ที่เติบโตมาด้วยกัน ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง (ถ้าเปรียบเทียบกับในปัจจุบันก็อยู่ในบ้านจัดสรรล้อคเดียวกัน) ผ่านการดำเนินชีวิตของ 5 ครอบครัว ที่ให้ทั้งความฮา ความอบอุ่นและความซาบซึ้งใจ  หัวเราะอยู่ดีๆ สักพักน้ำตามาตอนไหนไม่รู้ คือนิยามของซีรีย์เรื่องนี้ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างไม่น่าเบื่อ  ถ่ายทอดผ่านตัวละครแต่ละตัวตั้งแต่รุ่นลูกยันรุ่นพ่อแม่  และเนื่องจากซีรีย์ให้ความสำคัญกับทุกตัวละคร ไม่ได้เทไปที่บทใดบทหนึ่ง ยิ่งทำให้คนดูหลงรักตัวละครทุกตัวในซีรีย์มากขึ้น



ดารานักแสดงนำในเรื่องนี้แจ้งเกิดกันแทบทุกคน โดยเฉพาะ ปาร์คโกบอม  ที่ดังเปรี้ยงป้างกับบท ชเวแท๊ก และ รยูจุนยอล ที่รับบท จองฮวัน สองเพื่อนชายในแก๊งค์ ที่มาหลงรัก ซองด็อกซอน (รับบทโดย ฮเยริ วง Girl’s Day) หญิงสาวเพียงคนเดียวในแก๊งค์ ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด๊ก โดยซีรีย์เรื่องนี้ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ในโลกอินเตอร์เนต เมื่อคนดูแบ่งแยกทีมเป็น 2 ฝั่ง คือทีมชเวแท๊กกับทีมจองฮวัน เพื่อเชียร์ให้ตัวละครที่ชื่นชอบให้ได้ลงเอยกับซองด็อกซอน (รยูจุนยอล ผู้ชายหน้าตาแบบนี้หรือที่จะมาสู้กับ ปาร์คโกบอม หลายคนคิดแบบนั้นเมื่อได้เห็นโปสเตอร์ แต่เมื่อดูซีรีย์แล้ว บอกเรยทีมจองฮวันคะ) ซึ่งใครจะได้หัวใจด็อกซอนมาครอบครอง ผู้กำกับมาเฉลยเอาที่ตอนจบของเรื่อง ...แต่ท้ายสุดแล้วหลังละครจบไปปีนึง ก็มีข่าวออกมาว่า รยูจุนยอลได้ออกเดทกับฮเยริเป็นที่เรียบร้อย 5555

หากคุณเป็นวัยรุ่นในช่วงยุค 80 ตอนปลายหรือยุค 90 ตอนต้น ยุคที่ไม่มีมือถือ มีแค่เพจเจอร์ และโทรศัพท์บ้าน ยุคที่มีการสอบเอนทรานซ์ ยุคที่มีการเขียนจดหมายไปขอเพลงตามคลื่นวิทยุ  ยุคที่หนังจีนกำลังเฟื่องฟูในแถบเอเชีย  ยุคที่เล่นเกมเศรษฐีกระดาษ ฯลฯ แนะนำให้รีบหาเรื่องนี้มาดูโดยไว เพราะนอกจากจะทำให้ได้ย้อนวัยไปในสมัยนั้นแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนยังมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับวันวานที่ผ่านมา เพราะเกิดมาในยุคนั้นเหมือนกัน จึงทำให้ประทับใจกับซีรีย์เรื่องนี้เป็นพิเศษคะ






Image source www.koreandrama.org






วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

About Time



เป็นซีรีย์ที่มีพ้อตเรื่องแปลกและน่าสนใจ ตั้งแต่มีข่าวว่า TVN จะนำเสนอเรื่องนี้ออกมา เชื่อว่ามีหลายๆ คน ตั้งใจที่จะรอดู แต่พอ On Air เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าเรตติ้งในเกาหลีจะต่ำมาก ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แสดงให้เห็นว่าต่อให้พ้อตเรื่องจะแปลกแค่ไหน แต่ถ้าการนำเสนอมันไม่สนุก ก็จะไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมได้เลย



เป็นเรื่องราวของหญิงสาว ชเวมิคา (Lee Sung Kyung) นักแสดงละครเวที ที่สามารถมองเห็นนาฬิกาชีวิตของผู้อื่น รวมถึงของตัวเองด้วย ที่จะมีชีวิตเหลืออีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น ในระหว่างนี้ นางก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้พอเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแม่และน้องชายเมื่อนางตายไป พร้อมๆ กับตั้งใจทำความฝันให้เป็นจริง นั้นคือการได้แสดงบนละครเวที


กับ ผอ.อีโดฮา (Lee Sang Yoon)  ชายหนุ่มที่สามารถต่อเวลาชีวิตให้กับ ชเวมิคาได้ เมื่อมิคารู้แบบนั้น จึงพยายามหาทางเพื่อให้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับ อีโดฮา ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเขาเองก็มีคู่หมั้นอยู่ แถมยังเป็นโรควิตกกังวล แต่มิคาก็ทำทุกวิถีทาง เพราะนั้นคือทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของนาง

จากที่เล่ามา พ้อตเรื่องมันน่าดูใช่ไหมละคะ แถมดาราแต่ล่ะคนชื่อเสียงก็ไม่ได้ขี้เหร่ โดยเฉพาะนางร้าย พูดเลย ว่าเรื่องนี้ชอบนางมาก เพราะมีความพยายามดีในการที่จะได้พระเอกมาครอบครอง แต่ก็อย่างที่บอกตั้งแต่ต้น ว่าถึงพ้อตเรื่องจะดูแค่ไหน แต่ถ้าการถ่ายทอดมันออกมามาสนุก ก็ทำให้ซีรีย์น่าเบื่อได้เช่นกัน ส่วนตัวก็พยายามดูจนจบ โดยการดูแค่วันล่ะตอน สองตอน ไม่ดูต่อเนื่อง เพราะเดี๊ยวจะเบื่อและเลิกดูไปเสียก่อน


และถึงแม้ว่าจะน่าเบื่อ แต่ซีรีย์เรื่องนี้ก็ให้ข้อคิดดีๆ แฝงไว้หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเวลา... การได้มีเวลาอยู่บนโลกนี้ เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่สุดแล้ว อย่ามัวกังวล หรือสนใจว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบแบบไหน แค่มีความสุขกับชีวิตไปในทุกๆ วัน ก็พอ.....ปิดท้ายด้วยคำคมจากหนังสือที่ถ่ายทอดผ่านฉากที่พี่ชายของอีโดฮา รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย

ไม่เคยรู้ว่าช่วงเวลานั้น  งดงามแค่ไหน
ในช่วงอายุ 20 ฉันกลัวที่จะต้องอายุ 30 ฉันกลัวว่าฉันจะตายตอนอายุ 30
เมื่อฉันอายุ 30 น่าแปลกใจที่ฉันก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เมื่อฉันอายุ 40 ฉันก็เพิ่งรู้ว่า ตอนนั้นมันงดงามแค่ไหน
ในช่วงอายุ 30 ฉันกลัวที่จะต้องเข้าวัย 40 ฉันกลัวว่าโลกจะสิ้นสุดลง ตอนฉันอายุ 40
เมื่อฉันอายุ 40 น่าเศร้าที่ฉันยังคงเหมือนเดิม  เมื่อฉันอายุ 50 ฉันก็เพิ่งรู้ว่า ตอนนั้นมันงดงามแค่ไหน
เมื่อฉันอายุ 60 ฉันก็คงคิดว่าวัย 50 ก็เป็นเช่นนั้น  เมื่อฉันอายุ 70 ฉันก็คงคิดว่าวัย 60 ก็เป็นเช่นนั้น
พอเผชิญหน้ากับความตาย ทุกช่วงเวลาในอดีต คือ ช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต
ทุกช่วงอายุเปรียบเหมือนดอกไม้ คุณเพียงแค่ ไม่รู้ว่าแต่ละช่วงอายุนั้น งดงามแค่ไหน

Image source www.koreandrama.org

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Wok of Love





 ซีรีย์เกาหลีเรื่องล่าสุดที่เพิ่งจบไปหมาดๆ เมื่อวันอังคารที่แล้ว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเชฟทำอาหารจีนซอพุง ที่โดนไล่ออกจากห้องอาหารโรงแรมระดับห้าดาว ได้มาเปิดห้องอาหารเล็กๆ ตรงข้ามโรงแรมเก่า เพื่อล้างแค้นทางโรงแรม โดยมีนักเลง ดูซิลซอง เจ้าของห้องอาหารให้ความช่วยเหลือ



Lee Junho รับบท ซอพุง เชฟอาหารจีนที่มีฝีมือ ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะมีความมุ่งมั่นในการเป็นเชฟ แต่งงานแล้วก็หย่า เพราะแฟนไปเป็นชู้กับเจ้าของโรงแรมที่ตัวเองทำงานอยู่ ถ้าจะกล่าวถึง จุนโฮ ในฐานะนักแสดงอาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ถ้าจะบอกว่านางเป็น นักร้องหลัก ในวง 2PM หลายคนจะร้องอ่อ ทันที  หน้าตานางมองผ่านๆ จะคล้ายๆ กับเรน




Jang Hyuk รับบท ดูซิลซอง อดีตนักเลงที่ผันตัวเองมาเปิดบริษัทเงินกู้และเป็นเจ้าของห้องอาหาร หลงรักดันเซอู ตั้งแต่ต้นเรื่อง  ส่วนตัว คิดว่าซีรีย์เรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องมีบทนักแสดงตัวนี้ก็ได้ แค่บท ซอพุง คนเดียวก็นับว่าเด่นหรือคุมการดำเนินเรื่องได้แล้ว แต่ถ้ามองในมุมอื่น อาจจะเป็นเพราะซีรีย์เรื่องที่แล้วของ จุนโฮ Just Between Lover ที่เรตติ้งต่ำ (จาก 16 ตอน สูงสุดได้แค่ 2.3) จึงต้องหานักแสดงแม่เหล็กอย่าง Jang Hyuk มาดึงดูด



Jeong Ryeo Won รับบท ดันเซอู คุณหนูที่ตกอับ เจ้าบ่าวมาชิ่งหนีในวันแต่งงาน จับพลัดจับพลูได้เข้ามาทำงานในห้องอาหาร ทั้งที่ใช้กระทะไม่เป็นด้วยซ้ำ  เป็นนักแสดงหญิงคนแรก ที่ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะกับการรับบทนางเอก เล่นบทไหนก็ติดบุคลิกเดิมๆ (ล่าสุดที่ดู Witch's Court) ในเรื่องคือรำคาญบุคลิกนางเอกมาก เล่นไม่เป็นธรรมชาติ ลักษณะเหมือนแอ๊บตลอดเวลา ....ต้องขอโทษแฟนคลับล่วงหน้า

ซีรีย์เรื่องนี้แนะนำสำหรับคนชอบทำอาหาร จะได้อรรถรสในการดูเพิ่มมากขึ้น เรตติ้งที่ได้ก็ตามคาด ถือว่าอยู่ในระดับดี (ส่วนหนึ่งเพราะเป็นของ SBS ???) แต่เนื่องจากในช่วงที่ On air เป็นช่วงฟุตบอลโลก ทำให้ต้องลดจำนวนตอนลง จาก 40EP เหลือ 38EP ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ได้กระทบต่อเนื้อเรื่องมากเท่าไหร่ เพราะเหมือนจะสนุกช่วงต้นๆ หลังๆ ก็เริ่มจะอืด เหมือนจะหาทางจบไม่เจอ เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ได้กลิ่นความน้ำเน่าโชยมาเบาๆ

ถึงเรตติ้งในเกาหลีจะออกมาดี นักแสดงมีชื่อเสียงมากแค่ไหน แต่ถ้าเนื้อเรื่องไม่สนุกหรือไม่น่าติดตาม  มันก็ไปต่อไม่ได้... นานาจิตตังคะเรื่องความชอบ แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยติดตาม ซีรีย์ที่ผ่านมาของนักแสดงนำข้างต้น (ไม่รวมนางเอก) ยิ่งจะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นแค่ซีรีย์ธรรมดา ไม่ใช่ Masterpiece

Image source www.koreandrama.org

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Hospital Ship




เป็นซีรีย์ทางการแพทย์เรื่องล่าสุดที่เลือกมาดู  ออกฉายทางช่อง MBC เมื่อปลายปีที่แล้ว เรตติ้งถือว่าดีมาก ในช่วงนั้น แต่ที่ยังไม่ได้ดู เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องดูก่อน แต่ก็ยังตัดใจทิ้งซีรีย์เรื่องนี้ไม่ได้ สั้นๆ ค่ะ พระเอกของเรื่อง คังมินฮยอก (Kang Min Hyuk) คนเดียวเท่านั้น


คังมินฮยอก มือกลองของ วง C.N Blue ที่เห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ถึงใครๆ จะวิจารณ์ว่าน้องเล่นแข็งมาก แต่ไม่เป็นไร แค่เห็นรอยยึ้มในซีรีย์  ทุกอย่างก็ถือว่าสอบผ่านสำหรับแฟนคลับอย่างเรา ยังเหลือ School 2017 อีกเรื่องที่ยังไม่มีเวลาไปตามเก็บ แต่ก็จะพยายามค่ะ... ในเรื่องนี้คังมินฮยอก รับบทหมอกวักฮยอน หมอที่เข้าอกเข้าใจคนไข้ แต่มีปมในใจเรื่องของพ่อ



ประกบคู่กับ ฮาจีวอน ดาราดังรุ่นพี่ ที่หน้าเด็กมาก รับบท หมอซงอึนแจ หมอศัลยกรรมมือหนึ่ง เป็นหมอที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่คิดพึ่งพาคนอื่น เป็นตัวแทนของหญิงแกร่ง คิดว่าการเป็นหมอที่ดีที่สุด คือการรักษาคนไข้ให้หาย ส่วนเรื่องอื่นไม่จำเป็น มีปมเรื่องที่แม่ตาย   เรื่องนี้เป็นการรับบทหมอครั้งแรกตั้งแต่นางเข้าวงการ  ถือว่าสอบผ่านเหมือนกัน ดูแล้วเชื่อว่าเป็นหมอที่เก่งจริง

เรือพยาบาล เป็นเหมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่ เนื่องจากภูมิลักษณะของเกาหลี ประกอบด้วยเกาะเล็ก เกาะใหญ่ ที่เข้าถึงได้ด้วยเรือเท่านั้น  ในเรื่องเป็นสถานที่ที่หมอส่วนใหญ่ไม่อยากมาอยู่ และสำหรับหมอที่ได้มาอยู่ ต้องมีสาเหตุไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง เนื่องจากเป็นซีรีย์เกี่ยวกับการแพทย์ ซีรีย์จึงเสนอออกมาแบบจบเป็นเคสๆ ของอาการคนไข้ เหมือนๆ กับซีรีย์ทางการแพทย์ทั่วๆ ไป พร้อมกับการปูเรื่อง ของตัวละครแต่ล่ะตัวที่ได้มาอยู่  ณ  Hospital Ship

เนื้อเรื่องไม่ได้หวือหวา ดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อ ตามสไตล์ของ MBC แต่เรตติ้งที่ได้ตัวเลขอยู่ที่ 10 ขึ้น ถือว่าค่อนข้างสูงในปัจจุบัน มีประมาณ 40Ep หรือ 20 ชั่วโมงกว่าๆ แทรกความรักระหว่างหมอกวักฮยอนและหมอซงอึนแจ พร้อมๆกับเรื่องราวความรัก ความผูกพันธ์  การทำงาน ของบุคลากรที่มาอยู่รวมกันบนเรือ รวมถึงแง่คิดที่พยายามถ่ายทอดออกมา ว่าการเป็นหมอที่ดี ไม่ใช่แค่รักษาคนไข้ได้ ต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติหลายๆ ข้อ...อาจจะมารีวิวช้าไปนิด แต่แนะนำให้ดูอีกเรื่องค่ะ

Image source www.koreandrama.org

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Secret Mother



ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แล้วความลับของบรรดาคุณแม่ทั้งหลายล่ะ ความลับนั้นคืออะไร ???     เป็นซีรีย์ที่แนะนำให้คนเป็นแม่ต้องดู เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นซีรีย์แนวสืบสวน สอบสอน แต่เนื้อเรื่องได้สอดแทรกชีวิตของบรรดาแม่ๆ ที่มีการวางแผนอนาคตของลูก  เคี่ยวเข็ญให้ลูกเรียนเก่งตั้งแต่เด็ก โดยการเรียนเสริมนอกเวลา มีติวเตอร์ส่วนตัว เพื่อให้ลูกๆ ได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ   ดูๆ ไปก็ไม่ได้ต่างกับการศึกษาในไทยขณะนี้ ที่แต่ละปี มีการสอบวัดผลมากมาย  ตั้งแต่ระดับอนุบาล ซึ่งบางครั้งก็ทำให้สับสนว่าเป็นผลดีแก่ตัวเด็กจริงๆหรือเปล่า

เริ่มเรื่องมา เป็นฉากที่ คิมอึนยอง(ติวเตอร์ที่มาตามหาพี่สาวที่หายตัวไป) ติวเตอร์ส่วนตัวของมินจู ลูกชายของ คิมยุนจิน (อดีตจิตแพทย์ที่เสียลูกสาวไป) ตกลงมาจากตึกลงกลางสระว่ายน้ำของโรงแรม แล้วภาพก็ตัดไปที่บรรดาแม่ๆ ของนักเรียนทั้ง 4 คน เพื่อทำให้คนดูลุ้นว่า ใครคือฆาตกร แล้วซีรีย์ก็ดำเนินเรื่องย้อนไปก่อนหน้านั้น จนถึงกลางเรื่อง ค่อยกลับมาสู่ปัจจุบัน เล่าแค่นี้พอค่ะ เพราะไม่อยากสปอยมาก เดี๊ยวจะหมดความสนุกซะก่อน

ถือเป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ไม่ได้ใช้ความมีชื่อเสียงของดาราเป็นจุดขาย ถ้าคนที่ดูซีรีย์แล้วดูหน้าตาของดาราเป็นหลัก คุณคงไม่มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ แถมเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่ๆ  ที่คนดู(คนไทย) ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยม แต่ขึ้นชื่อว่า SBS ที่ทำซีรีย์ออกมาเรื่องไหนเรตติ้งก็ดีงาม(ส่วนใหญ่) โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่เปิดตัวพร้อมๆ กับ Lawless Lawyer (TVN) ที่แย่งชิงเรตติ้งกัน เพราะฉายชนกันในวันเสาร์ (Secret Mother เสาร์ เวลา 20.55-23.15,  Lawless Lawyer เสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.00-22.00) จะสังเกตได้ว่า Lawless lawyer ใช้ทั้งดาราและตัวเรื่องเป็นจุดขาย แต่เรตติ้งที่ออกมาทั้งสองเรื่องแทบจะได้ไม่ต่างกันเลย จึงเป็นส่วนที่การันตีได้ว่า ซีรีย์เรื่องนี้ก็มีดีเหมือนกัน

ความประทับใจในซีรีย์เรื่องนี้  คงจะเป็นเรื่องที่แม่ อยากจะปกปิดความลับของลูกชาย โดยเชื่อว่าการปกปิดนั้นจะเป็นการช่วยลูกชาย จึงทำทุกวิถีทางเพื่อฝังกลบทุกอย่างเอาไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ (เปรียบเสมือนการฝังลูกชายไว้ในหลุมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ)   แต่จริงๆแล้ว การจะช่วยลูกชาย  ควรเลือกวิธีที่จะฉุดรั้งให้ลูกชายขึ้นมาจากหลุมต่างหาก ไม่ใช่การฝังกลบความผิด เหมือนที่กำลังทำอยู่ เพราะการทำแบบนั้นนอกจากจะไม่ได้ทำให้ลูกชายได้สำนึกแล้ว ยังถลำตัวลึกเข้าไปอีกเรื่อยๆ.... ลูกใครๆ ก็รัก แต่ควรเป็นความรักที่ถูกทาง เป็นซีรีย์ที่อยากแนะนำให้ดูอีกเรื่องค่ะ

Image Source www.koreandrama.org

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Queen For Seven Days




ช่วงนี้กำลังติดตามเลขาคิม จาก What’s Wrong With Secretary Kim?  เลยว่าจะหาเรื่องทิ่ ปาร์ค มินยอง นางเอกเรื่องนี้ เล่นก่อนหน้ามารีวิวไปพลางๆ ก่อน แต่เรื่องจริง คือ เริ่มดูซีรีย์เรื่องนี้เพราะหลงรัก พระเอก (Yeon Woo Jin ) คนอะไรไม่หล่อแต่เวลาพี่แกแสดงมันได้ทุกบทบาทจริงๆ โดยเฉพาะเวลาเขิน น่ารักมาก ตามมาจากเรื่อง Marriage Without Dating แต่พอเริ่มดูสักพัก คือทุกอย่างมันดีงาม ถึงขั้น load มาเก็บไว้

เป็นซีรีย์แนวพีเรียด ที่มีแค่ 20 Ep. ปกติจะไม่ค่อยดูซีรีย์แนวนี้สักเท่าไหร่ เพราะแต่ละเรื่องจะมีหลาย EP ซึ่งกว่าจะจบก็ทำให้เสียการ เสียงงาน เสียเวลานอนไปนาน แต่เหนือกว่าอื่นใด พระเอก  อูจิน ต้องมาก่อน จึงไม่ลังเลที่จะหามาดู เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักความผูกพันธ์ การแย่งชิงอำนาจ  ระหว่างสองพี่น้ององค์ชายลียอคกับพระราชาลียง โดยมี ซินแซกยอง หญิงสาวที่เข้ามาคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์นั้น


 Yeon Woo Jin รับบทเป็น ลียอค องค์ชายจินซองที่ต้องทำตัวเป็นคนไม่ได้เรื่อง เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่ให้คนอื่นรู้ว่ามีความสามารถ เพราะจะเป็นการทำร้ายพี่ชายที่ตัวเองรัก ด้วยความรักพี่ชายจึงยอมหมั้นหมายกับซินแซกยองตอนเด็กๆ เพื่อที่แต่งงานแล้ว จะย้ายออกจากวังหลวงไปอยู่ที่อื่น  แต่ก่อนจะได้แต่งต้องตายไป  แน่ใจว่าเป็นพี่เรียดเรื่องแรกที่อูจินเล่น ไม่หล่อแต่เป็นผู้ชายที่ดีงามมากคะ


Park Min Young รับบทเป็น ชินแชกยอง ลูกสาวขุนนางผุ้ใกล้ชิดกับพระราชา ที่ไม่อยากให้ลูกสาวยุ่งเกี่ยวกับราชวค์  เพราะคำทำนายตอนเด็กว่า หากยุ่งเกี่ยวกับราชวงค์จะนำความเลวร้ายมาสู่ครอบครัว จึงส่งแชกยองไปอยู่นอกเมืองตั้งแต่เด็ก แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธพระราชาไม่ได้  แชกยองเป็นคนที่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องดีที่สุด เรื่องนี้ต้องยอมรับว่านางสวยมาก ในชุดย้อนยุค เมื่อเทียบกับเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมาในแนวพีเรียด



Lee Dong Gun รับบทเป็น ลียง องค์ชายย็อนซัน  ราชาผู้โหดร้ายที่กลัวที่จะสูญเสียอำนาจให้แก่ องค์ชายจินซอง น้องชายต่างมารดา  ให้ลียอคแต่งงานกับแชกยอง เพราะเห็นว่าครอบครัวของนางเป็นคนสนิทของตัวเอง คงไม่มีทางเป็นพวกกับลียอคแน่นอน หรือพูดง่ายๆ คือใช้นางเอกเป็นตัวประกันสำหรับบัลลังค์  เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง ออกโรคจิตนิดหนึ่ง สำหรับ ดองกัน ฝีมือไม่ต้องพูดถึง


นอกจากความรักระหว่างพระนางลียอคกับแชกยองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นเป็นพระมเหสีเพียงแค่ 7 วันแล้วโดนปลด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายและน้องชายก็เป็นเรื่องที่น่าติดตาม  ที่ถึงแม้ว่าลียอคจะแสดงความจงรักภักดีกับฝ่าบาทมากแค่ไหน หรือฝ่าบาทต้องการที่จะเลี่ยงการทำร้ายองค์ชายมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องห่ำหั่นกันอยู่ดี เพราะมันเป็นเรื่องของราชวงค์และอำนาจ ที่ทั้งสองคนได้เลือกสวมหัวโขนนั้นมาตั้งแต่เกิด  รักนะแต่ต้องร้ายใส่กัน ทำนองนั้น


ซีรีย์เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนตาแห้ง อยากได้น้ำตามาล้างตาสัก 2-3 วัน รีบหามาดูโดยด่วนค่ะ นอกจากเนื้อเรื่องจะน่าติดตามแล้วยังเป็นซีรีย์แนวพีเรียดอีกเรื่องที่ ภาพสวย เพลงเพราะ ออกแนวสมัยใหม่ เนื้อเรื่องย้อนยุค แต่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ประทับใจและอยากที่จะเขียนออกมา


Image sourcs www.koreandrama.org



วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Lawless Lawyer



เพิ่งจบไปไม่นานสำหรับซีรีย์เรื่องนี้  ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของทนายความที่ผิดกฎหมาย (ทำทุกอย่างที่จะชนะคดีความ)  โดยเฉพาะถ้าทนายความนั้นรับบทโดยอีจุนกิ คงจะมีแฟนคลับหลายคนไม่พลาดที่จะติดตามซีรีย์เรื่องนี้  ซีรีย์เป็นแนวกฎหมาย สืบสวน สอบสวน ต่างจากพล้อตเรื่องโดยทั่วไป คือขึ้นมา EP. แรก เราจะรู้เลยว่าใครคือตัวร้าย โดยที่ไม่ต้องคาดเดาให้เสียเวลา  
อีจุนกิ รับบทเป็น บงซังพิล  ทนายที่ต้องการแก้แค้นให้แม่ของเขาที่ถูกฆ่าตาย มีลุงที่เป็นนักเลงคอยดูแลเลี้ยงดูตั้งแต่แม่ตาย ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็นทนายนักเลง... บทตำรวจ  ทนายความ นักเลง เป็นบทที่โอ๊ปป้า ถนัดอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดถึง แต่เรื่องนี้ คือพี่แกแก่และโทรมมากกว่าเรื่องก่อนๆ  ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นหรืออย่างไร
ซอเยจี  รับบทเป็น ฮาแจอี  ทนายความที่รักความยุติธรรม  ตรงไปตรงมา เลือดร้อน มีปมในอดีตคือการหายตัวไปของแม่  ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้รับบทเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรกของนางหรือเปล่า เพราะยังไม่เคยดูซีรีย์ที่นางเล่นมาก่อน แต่ดูจากประวัติการแสดงที่ผ่านมามีแค่ 6-7 เรื่อง หน้าเด็กมาก ที่ชอบที่สุดคือน้ำเสียงของนาง  ห้าว เท่ห์ น่าฟัง ต่างจากนักแสดงหญิงคนอื่นๆ ที่เคยได้ดูมา



นอกจากบทพระนาง ยังมีตัวละครหลักอีก 2 คน คือ ผู้พิพากษาซามุนซุก กับ นายกอันโอจู ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน ชื่อเสียง อำนาจ อิทธิพล โดยใช้ทั้งกฎหมายและกฎหมู่  ยอมรับว่านักแสดง 2 คนนี้  มีส่วนทำให้ซีรีย์เรื่องนี้น่าติดตาม..... ซีรีย์เริ่มที่ บงซังพิลได้กลับไปเป็นทนายที่เมืองกีซอง บ้านเกิดของแม่ เพราะต้องการกลับมาแก้แค้น ซามุนซุก คนร้ายที่ฆ่าแม่ ผู้พิพากษาที่เป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในกีซอง  ซึ่งแน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งทนาย ตำรวจ อัยการ ผู้คนในกีซอง ต่างเป็นคนของซามุนซุกทั้งสิ้น

เคยดูซีรีย์แล้วหยุดไม่ได้ไหมค่ะ  นี่คือเสน่ห์ของซีรีย์เรื่องนี้  ดังนั้นจึงเป็นความโชคดีที่มาเริ่มดูตอนซีรีย์จบไปแล้ว ถ้าดูตอน On air เชื่อว่าคงมีลงแดงไปก่อน  ความสนุกของเรื่องนี้ คงเป็นการหลอกใช้  หักหลังกันไปมา ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร วันนี้เป็นมิตร พรุ่งนี้กลายเป็นศัตรู เงินและอำนาจไม่เข้าใครออกใคร  ส่วนบท  Love scene (บทจูบ) น่าจะมีแค่ซีนเดียว 5555 ไม่แน่ใจว่าหลังๆ ชอบดูซีรีย์แนวนี้ หรือว่าเป็นเพราะอะไร

สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เมื่อผู้พิพากษาที่ขึ้นชื่อว่ามีความยุติธรรมมากที่สุด ผู้ที่ใช้กฎหมายในการพิพากษาคนอื่น กลับกลายว่าเป็นผู้ทำผิดกฎหมายเสียเอง  และ บงซังพิล จะเลือกใช้กฎหมายเพื่อแก้แค้น หรือจะเลือกใช้กฎหมายเพื่อความยุติธรรม เป็นซีรีย์ใน lot นี้ที่แนะนำอีกเรื่องคะ


Image source www.koreandrama.org

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Children of a Lesser God




เป็นซีรีย์เกาหลีที่ไม่มีบทจูบหรือบทเข้าพระเข้านางเลย ต้องบอกไว้ก่อน สำหรับคนที่ชอบดูซีรีย์แบบมีบทรักๆ ใคร่ๆ ที่เผลอเข้าไปดูแล้วอาจจะทำให้ต้องผิดหวัง และเป็น  ซีรีย์ของค่าย OCN เรื่องแรกของปี 2018

คังจีฮวาน รับบทเป็น ตำรวจชุนแจอิน ผู้ที่มีไอคิวสูง สติปัญญาเป็นเลิศ เชื่อในเรื่องตัวเลขและวิทยาศาสตร์ เป็นตำรวจไฟแรง เนื่องจากเป็นคนเก่ง จึงทำให้เป็นคนหลงตัวเอง และเป็นที่หมั่นไส้ของเพื่อนร่วมงาน

คิมอ๊คบิน รับบทเป็น ตำรวจหญิง คิมทัน ที่สามารถมองเห็นความตายของผู้อื่น เชื่อว่าเป็นทายาทของแม่มด  จิตใจดี เชื่อมั่นในความถูกต้อง

ซิมฮีซบ รับบทเป็น อัยการโจฮามิน  ผู้ชายที่มี 2 ด้านในตัว เป็นทั้งคนดีและคนเลว บทค่อนข้างซับซ้อน ที่ต้องลุ้นว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบไหน  ส่วนตัวแล้วอยากให้ลงเอยกับนางเอก  อินกับตัวละครตัวนี้มาก เล่นได้น่าสงสาร ถึงแม้บทจะร้ายแต่มีเหตุผลและที่มาที่ไป



เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์การฆ่าตายหมู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง เวลาผ่านไป 24 ปี ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่อง และหนึ่งในเหยื่อคือน้องสาวของแจอิน  โดยการตายของน้องสาวทำให้แจอินออกจากการเป็นตำรวจ  และหลังจากนั้น 1 ปี แจอินได้กลับเข้ามาทำงานใหม่ เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของน้องสาวพร้อมกับ คิมทัน ตำรวจหญิงที่มีญาณพิเศษ สามารถมองเห็นความตายของผู้อื่นในอนาคตได้

เป็นซีรีย์แนวสืบสวน สอบสวน (ไม่แน่ใจว่าเป็นแนวถนัดของ OCN หรือเปล่า ดูมา 3 เรื่อง Black,Tunnel และเรื่องนี้ ซีรีย์มาในแนวเดียวกัน คือคาดเดาไม่ค่อยได้) มีตำรวจ อัยการ นักธุรกิจ นักการเมือง มาเกี่ยวข้องตามแบบฉบับ ของซีรีย์เกาหลี แต่ในเรื่องนี้พิเศษหน่อยที่มีเรื่อง ศาสนา และความเชื่อมาเกี่ยวข้อง ทำให้เรามองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่พยายามจะถ่ายทอดผ่านซีรีย์เรื่องนี้ ถึงแม้ก่อนจะเริ่มฉายในแต่ล่ะตอน จะบอกว่าไม่พาดพิงศาสนาใดก็ตาม

สำหรับฉากที่ประทับใจ คงเป็นฉากที่แจอิน บอกว่าตัวเขาเองไม่ได้เป็นตำรวจที่เก่งกาจกว่าใครๆ แต่เขาเองเป็นแค่เพียงตำรวจซื่อๆ คนหนึ่งเท่านั้น แล้วก็เดินออกมาอย่างเท่ห์ๆ  ทำให้คนฟังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล่นๆ  ว่าตัวเองทำหน้าที่ตำรวจได้ดีพอหรือยัง  และคงไม่ใช่แค่อาชีพตำรวจ ถ้าคนเราทำหน้าที่ของตนเองให้ตรงกับบทบาทที่ได้รับ สังคมเราทุกวันนี้ คงไม่สับสนวุ่นวาย

ส่วนอีกฉาก เป็นฉากที่คิมทัน บอกให้อัยการโจฮามินกลับตัวกลับใจ ถอนตัวจากเหตุการณ์ร้ายๆ  ซึ่งนั้นทำให้ฮามินลังเล เนื่องจากคิมทันคือเพื่อนคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ และเป็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบ แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะไปต่อ เพราะมือเขาเองเปื้อนเลือดมามากแล้ว คงไม่สามารถล้างได้ง่ายๆ และยังคงมีความเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำลงไป จะทำให้โลกนี้สงบสุข ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ตาม

แนะนำให้หามาดูค่ะ เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ดูแล้ววางไม่ลง ถึงแม้ว่าดาราที่รับบทนำเรื่องนี้ คังจีฮวาน จะเป็นดาราดังคนเดียวที่มีคนรู้จัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้ลดความสนุกแต่อย่างไร  เพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรกว่ามันไม่สามารถคาดเดาได้  แล้วมาดูกันว่า  เงิน อำนาจ หรือความเชื่อ จะสามารถเอาชนะความถูกต้องได้หรือไม่ 



Image source  www.koreandrama.org